บริษัทก่อตั้งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2531 โดยคุณอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา และนางสาวยุวดี พงษ์อัชฌา บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกด้วยทุนจดทะเบียน 2,000,000 บาทโดยเริ่มแรกขายเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบผ่อนชำระ ต่อมา บริษัท ได้รุกเข้าสู่ตลาดค้าส่ง ด้วยผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ โทรทัศน์, เครื่องเล่นวิดีโอ และเครื่องปรับอากาศ ในปี 2535 บริษัท ได้เริ่มดำเนินธุรกิจการค้าปลีกโทรศัพท์มือถือและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือโดยการขยายร้านโทรศัพท์มือถือในห้างสรรพสินค้าหลักๆ หลายแห่งในประเทศไทย

ปี 2537 บริษัท ได้เริ่มดำเนินธุรกิจติดตามหนี้ เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส ที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อดำเนินการติดตามหนี้สำหรับสถาบันการเงินและผู้ประกอบการ

ปี 2542 บริษัท ได้ก่อตั้งธุรกิจให้เช่าพื้นที่ไอทีภายใต้แบรนด์ “ไอที จังชั่น”

ปัจจุบัน เจ มาร์ท ดำเนินธุรกิจบริษัทโฮลดิ้ง ที่ลงทุนในบริษัทย่อยที่มีศักยภาพ 6 แห่งและ บริษัทร่วมทุน 1 แห่ง โดยมุ่งเน้นไปที่การเงินเพื่อการค้าปลีกและรายย่อย ด้วยความร่วมมือ (Synergy) และการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อผู้บริโภค

27 ธันวาคม 2531

วันที่ก่อตั้งบริษัท

บาท

ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น

ปัจจุบัน บริษัทมีสถานะเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี หรือประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมีธุรกิจหลักของบริษัทแกนคือ จำหน่ายทั้งค้าปลีกและค้าส่งโทรศัพท์เคลื่อนที่ และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ของผู้ผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่หลักทุกรายและผู้ให้บริการเครือข่าย และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

ปี 2552

ในปี 2552 บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือชื่อย่อหลักทรัพย์ “JMART” ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 75 ล้านหุ้นในราคา 1.80 บาท / หุ้นเพื่อเสนอขายหุ้น IPO มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (IPO) 540 ล้านบาททุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท (มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาท / หุ้น)

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัท มีทุนชำระแล้ว 906,612,007 หุ้นมูลค่าตลาด 19,074 ล้านบาท หรือ JMART เติบโตขึ้น 35 เท่าของมูลค่า บริษัท ในรอบ 11 ปีที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

สำหรับโครงสร้างการถือหุ้นในปัจจุบัน บริษัท ถือหุ้น 52.8% ใน บริษัทย่อยคือ บริษัท เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซส จำกัด (มหาชน) (“JMT”) ซึ่งดำเนินธุรกิจการติดตามหนี้และบริหารหนี้โดยการซื้อหนี้เสียจากสถาบันการเงินในประเทศไทย เจเอ็มที เป็น บริษัท ที่ดีที่สุดในการติดตามหนี้และบริหารหนี้ในประเทศไทยโดยเฉพาะการจัดการหนี้เสียที่ไม่ปลอดภัย

นอกจากนี้ บริษัท ยังถือหุ้น 74.9% ใน บริษัท แจสแอสเสท จำกัด (มหาชน) (“เจเอเอส แอสเซ็ท”) ซึ่งประกอบธุรกิจให้เช่าพื้นที่สำหรับผู้ค้าปลีกไอทีและโทรศัพท์มือถือภายใต้แบรนด์“ไอที จังชั่ง” และศูนย์การค้าภายใต้ชื่อ ชื่อ“ เดอะ แจส”“ เดอะ แจส เออเบิร์น” และ “แจส วิลเลจ”

ปี 2558

ในปี 2558 บริษัท ได้เข้าถือหุ้นใหญ่ใน บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) 24.9% ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจขายตรงเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านและการเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ และประกอบธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถภายใต้แบรนด์“ ซิงเกอร์” ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทถือหุ้นซิงกอร์ 32.6% (ณ วันที่ 1 มกราคม 2564)

ปี 2560

ในปี 2559 บริษัท ปรับโครงสร้างกลุ่ม เจ มาร์ท ให้กลายเป็น บริษัท โฮลดิ้ง ที่ให้ เจมาร์ท โมบาย เป็นธุรกิจหลัก บริษัท มีเป้าหมายที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยคาดการณ์ว่าจะมีการหยุดชะงักในธุรกิจการเงินและธุรกิจค้าปลีก ดังนั้น บริษัท จึงเตรียมปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อรับมือกับการหยุดชะงักและการพลิกผันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ในปี 2560 บริษัท ได้จัดตั้ง บริษัท ย่อย “บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด” ด้วยเงินทุนทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยถือหุ้นร้อยละ 80.00

2560

ในปี 2560 บริษัทฯ ได้จัดตั้ง บริษัท ย่อย "J Ventures Co., Ltd." ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาทโดยถือหุ้นร้อยละ 80.00

ในปีเดียวกัน บริษัท Beans and Brown Co., Ltd. ได้ก่อตั้งขึ้นเพื่อซื้อกิจการร้านกาแฟ CASA Lapin

2561

J Ventures Co., Ltd. ระดมทุนเพื่อพัฒนา Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ด้วยการเสนอขายเหรียญเริ่มต้น (ICO)

2563

Jay Mart, JMT และ KB Kookmin Card Co., Ltd. เซ็นสัญญาร่วมทุนใน J Fintech Co., Ltd. เพื่อขยายธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลในประเทศไทย

2564

Jaymart ผนึก BTS ดีลซุปเปอร์ซินเนอยี่ สร้างอีโค่ซิสเต็ม ธุรกิจครบวงจร